วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การปรับแต่งคอมพิวเตอร์สำหรับการใช้งานบนอินเตอร์เน็ต

การปรับแต่งคอมพิวเตอร์สำหรับการใช้งานอินเตอร์เน็ต

สำหรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเพื่อใช้งานภายในบ้าน  จำเป็นจะต้องมีส่วนประกอบสำคัญที่จะสามารถเชื่อมต่อระหว่างผู้กับผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต  ประกอบด้วยส่วนประกอบสำคัญ
  1. อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
  2. โมเด็ม
  3. โปรแกรมสำหรับการใช้งานอินเตอร์เน็ต
  4. วิธีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
  5. การเลือกผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต

อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
  1. เมนบอร์ด  มีประสิทธิภาพสูงพอสมควรในปัจจุบันคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานในทั่วไป  จะมีซีพียูรุ่น   Celeron, Pentium iv  และ amd  ซีพียุเหล่านี้จะรองรับการใช้งานระบบมัลติมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นการ์ดจอ  การ์ดเสียง  และลำโพง
  2. หน่วยความจำแรม  จะขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการที่ใช้ แต่อย่างน้อยไม่ควรต่ำกว่า  64-128   mb   ในปัจจุบันนิยมใช้   windows xp  หน่วยความจำแรมไม่ต่ำกว่า 256  mb 
  3. จอภาพและการ์ดแสดงผล    สามารถแสดงผลได้ตั้งแต่ 256  สีขั้นไป 
  4. ระบบมัลติมิเดีย คือ การ์ดเสียงพร้อมลำโพง  เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกรุ่นจะมีให้เฉพาะ การ์ดเสียง  และลำโพงเท่านั้น   อุปกรณ์เสริมอื่นๆ คือ  ไมโครโฟน และกล้องเว็บแคม ผู้ใช้จะต้องหาเพิ่มเติมเองเมื่อต้องการใช้งาน


โมด็ม
        โมเด็ม  หรือ  ( modulator/demodulator)  มีหน้าที่แปลงข้อมูลในรูปแบบดิจิทัล ของระบบคอมพิวเตอร์ให้เป้นสัญญาณเสียงในรูปแบบแอนะล็อก เพื่อให้สามารถส่งไปทางโทรศัพท์ได้  การ  modulate โดยที่ปลายทางก็จะมีโมเด็มทำหน้าที่แปลงสัญญาณเสียงในรูปแบบแอนะล็อก   ซึ่งรับมาจากโทรศัพท์ให้กลับมาเป็นข้อมูลแบบดิจิทัล เพื่อใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์  เรียกว่า   demodulate  เนื่องจากสายโทรศัพท์ส่วนใหญ่จะสามารถส่งข้อมูลได้ ไม่เกิน 56 kbps   โมเด็มแบ่งออกเป็น  3  ประเภท 
  1. โมเด็มแบบภายใน
  2. โมเด็มแบบภายนอก
  3. โมเด็มแบบ  pcmcia

 
โปรแกรมสำหรับการใช้งานอินเตอร์เน็ต

      1. โปรแกรมระบบปฏิบัติการ   จำเป็นมากสำหรับการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกชนิด  เพราะจะเป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่จัดสรรทรัพยากรต่างๆ ในระบบในระบบ หน่วยความจำ  การบันทึกข้อมูล และอุปกรณ์ต่อเชื่อมอื่นๆ 
         2.โปรแกรมเว็บบราว์เซอร์  คือ  โปรมแกรมที่ใช้เปิดเว็บเพจต่างๆ ในอินเตอร์เน็ต   โปรมแกรมนี้จะสามารถมากมายที่จะเป็นประโยชน์ในการท่องเว็บ
      3.โปรแกรมรับส่งจดหมายอิแล็กทรอนิกส์ ทำหน้าที่ข้อมูลจดหมายโดยสร้างโฟลเดอร์สำหรับเก็บจดหมายไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา
        4.โปรแกรมสำหรับการสื่อสารบนอินเตอร์เน็ต    ใช้สำหรับการสื่อสารระหว่างผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตด้วยกัน ในรูปแบบของการพิมพ์ข้อความโต้ตอบ เรียกว่า chat 
         5.โปรแกรมมัลติมีเดียบนอินเตอร์เน๊ต ใช้งานบนระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตในปัจจุบันมีหลากหลายรู้แบบ  ทั้งรูปภาพ  ภาพเคลื่อนไหว เสียง  วีดีทัศน์  


วิธีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต


          จะใช้โมเด็มแบบหมุนโทรศัพท์     เรียกว่า “dial –up’’  ทำหน้าที่แปลงข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ในรูปแบบของดิจิทัล ให้เป็นสัญญาณเสียงในรูปแบบแอนะล็อก เพื่อส่งข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์ ความเร็วของการส่งข้อมูลอยู่ที่  33.6   kbps   และสำหรับการรับข้อมูลอยู่ที่  56  kbps
        การรับส่งข้อมูลแบบบรอดแบนด์ 
       1. การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบ  isdn ( intergrated   services digital network )
       2.การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบ  adsl ( asymmetric digital subscriberv link )
       3.การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบเคเบิลโมเด็ม ( cable  modem  )
       4.การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านดาวทียม ( satellite )
         5.การเชื่อต่ออินเตอร์เน็ตแบบวงจรเช่า ( leased line )


1.การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบ  isdn 
        ถ้าต้องการใช้ระบบ  isdn    จะต้องขอหมายเลขโทรศัพท์ใหม่ที่เป็น isdn  การให้บริการ isdn แบ่งออกเป็น 2 ระดับ
           Bai   สำหรับผู้ใช้รายย่อย   ตามบ้านพัก หรือหน่วยงานขนาดเล็ก มีความเร็วเต็มที่ 128  mbps
        Pri    สำหรับองค์กรขนาดใหญ่โดยการเดินสายเคเบิลใยแก้วนำแสง จะมีช่องสัญญาณสำหรับการสื่อสาร 30  ช่องสัญญาณ แต่ละช่องมีความเร็วที่ 64  kbps

2.การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบ  adsl  การบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงโดยผ่านทาง สามารถ  ใช้กับการเชื่อมต่อผ่านทางสายโทรศัพท์แบบเดิม สามารถเปลี่ยนสายโทรศัพท์ธรรมดาให้เป็นสายดิจิทัล มีความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูง

3.การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบเคเบิลโมเด็ม  มีความเร็วสูงที่ไม่ต้องใช้สายโทรศัพท์ อาศัยเครือข่ายเคเบิลจากผู้ให้บริการ   ถ้าต้องการใช้บริการแบบเคเบิลโมเด็มจะต้องใช้บริการของ  asia  net  การทำงานของเคเบิลโมเด็มจะคล้ายกับ  adsl  มีการเข้ารหัสสัญญาณดิจิทัลด้วยความถี่สูง แล้วส่งผ่านสายเคเบิลไปยัง ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต กรณีนี้สายโคแอกเซียลทำให้สามารถรับส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูง

4.การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียม
 เป็นบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง มีผู้ให้บริการเพียงรายเดียว  cs  internet ในเครือชินคอร์ปอเรชั่นเจ้าของดาวเทียมไทยคม  การรัยข้อมูลด้วยสัญญาณความเร็วสูงมามายังผู้ใช้ในระดับเมกะบิตผ่านดาวเทียมโดยผู้ใช้จะต้องติดตั้งจานรับสัญญาณดาวเทียม ส่วนการส่งข้อมูล ทำการผ่านทางโมเด็มและสายโทรศัพท์มีความเร็วแค่ 56   kbps    การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียม เป็นช่องทางที่ถูกรบกวนได้ง่ายจากสภาพดินฟ้าอากาศควรเตรียมช่องทางอื่นในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตไว้สำรองในการใช้งาน

5.การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบวงจรเช่า 
การเชื่อมเอนเตอร์แบบ    leased  line  จะเหมาะกับการใช้งานสำหรับองค์กร สถาบันการศึกษา หรือระบบธุรกิจต่างๆที่มีผู้บริการเอนเตอร์เน็ตเป็นจำนวนมาก โดยไม่ต้องหมุนโทรศัพท์เข้าไปยังศูนย์บริการอินเตอร์เน็ตเพราะการเชื่อมแบบ  leased  line  จะเชื่อมกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ตตลอด 24  ชั่วโมง
                ค่าใช้จ่ายในการเช่าต้องเป็นรายเดือน     โดยจะเสียค่าบริการตามความเร็วที่เช่าสายสัญญาณเป็นอัตราเดียวกันทุกเดือน และไม่ต้องเสียค่าบริการตามชั่วโมงการใช้งานอีก
                ในองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีผู้ใช้บริการเอนเตอร์เน็ตจำนวนมาก จะนิยมการเชื่อมต่อเอนเตอร์เน็ตแบบนี้ เพราะสามารถใช้งานเอนเตอร์เน็ตได้โดยไม่จำกัดปริมาณการงาน  โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาต่างๆ จะต้องให้บริการแก่นักเรียน นักศึกษา และบุคลากรในหน่วยงาน

การเลือกให้ผู้บริการเอนเตอร์เน็ต (isp)

โดยมีวิธีหลักการที่ต้องคำนึง  ดังต่อไปนี้
1.               ความน่าเชื่อถือ  ควรจะพิจารณาว่าผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตบริษัทนั้นมีความน่าถือในการให้บริการมากน้อยเพียงใด ซึ่งจะสามารถหาข้อมูลได้โดยการสอบถามจากผู้เคยใช้บริการโดยตรง
2.               ประสิทธิภาพของระบบ  โดยพิจารณาจากความเร็วใยการรับส่งข้อมูล การเชื่อมต่อกับสายโทรศัพท์หลุดบ่อยหรือไม่  หรือในขณะที่เรากำลังทำการโอนย้ายข้อมูล  และเกิดสายโทรศัพท์หลุดก็จะทำให้เราต้องเสียเวลาในการโอนย้ายข้อมูลใหม่
3.               หมายเลขโทรศัพท์  ผู้ให้บริการเอนเตอร์เน้ตจะต้องมีช่องทางให้กับบริการด้วยโมเด็ม ดังนั้นจำนวนผู้บริการจะต้องสำพันธ์กับหมายเลขโทรศัพท์ที่จัดหาไว้
4.               อัตราการใช้โมเด็ม  ผู้ให้บริการเอนเตอร์เน็ตจะต้องมีคู่สายโมเด็มเพียงพอต่อการรองรับการใช้บริการของลูกค้า
5.               ค่าบริการ  โดยเราเลือกซื้อตามปริมาณการใช้งานของเราได้เพื่อให้คุ้มค่าต่อปริมาณค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายไป
6.               ค่าธรรมเนียมต่างๆ  พิจารณาว่าผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตแต่ละแห่ง นอกเหนืออัตราค่าบริการแล้วมีการคิดค่าธรรมเนียมอื่นๆ อีกหรือไม่
7.               บริการเสริม  ผู้บริการอินเตอร์เน็ตได้มีบริการเสริมอื่นๆ  ให้บริการอีกหรือไม่ เช่น  มีพื้นที่ว่างสำหรับการสร้าง Homepage และมี E – mail Address ให้ด้วยหรือไม่



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น